เรื่อง ชี้แจงข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการจดทะเบียนรถตู้เช่าเหมา
เรียน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวสด
อ้างถึง หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561 คอลัมน์ บ.ก.ตอบจดหมาย
ตามหนังสือพิมพ์ฉบับและคอลัมน์ที่อ้างถึง ได้มีผู้ใช้นามว่า “ล้อหมุน” ร้องเรียนกรณีมีประเด็นปัญหาต่างๆ ของรถตู้เช่าเหมา ดังนี้
1. รถตู้เช่าเหมาวีไอพี เคยร้องกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ระเบียบข้อบังคับที่ไม่ตรงกับหมวดการใช้งานจริง
2. รถตู้ส่วนบุคคล ร้องขอให้กรมการขนส่งทางบกจัดหมวดหมู่รถตู้เช่าเหมา ให้ตรงกับการใช้งานจริง เพื่อให้รถตู้เช่าเหมามีป้ายเดียว
3. กรมการขนส่งทางบก ออกข้อบังคับ จำกัดสิทธิคนที่ต้องการจะมีรถตู้ส่วนบุคคลไว้ใช้งานในครัวเรือน
4. กรมการขนส่งทางบก ขอความร่วมมือทุกหน่วยงานเพื่อ บูรณาการตรวจเข้มรถตู้ส่วนบุคคลที่เดินทางสัญจรบนท้องถนน จนเข้าข่ายไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
5. ขณะนี้ตลาดซื้อขายรถตู้เกิดความชะงักกัน จนสร้างความ เสียหายให้กับเศรษฐกิจ ดังความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น
กรมการขนส่งทางบกพิจารณาแล้วขอเรียนว่า
1. การจดทะเบียนรถตู้โดยสารเช่าเหมา (VIP) เกิดขึ้นเนื่องจากมีกลุ่มผู้ขับรถตู้โดยสารเช่าเหมา (VIP) นำรถที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไปใช้รับจ้างโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อถูกจับกุมปราบปรามจึงได้มีการเรียกร้องต่อทางราชการ
โดยยอมขอรับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง ด้วยรถที่ใช้ในการขนส่ง ผู้โดยสารให้ถูกต้องแต่ไม่ขอใช้ป้ายทะเบียนรถสาธารณะ (ป้ายเหลือง) กรมการขนส่งทางบกจึงได้แก้ไขกฎ ระเบียบ กำหนดให้รถตู้โดยสารเช่าเหมา (VIP) ใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถมีพื้นสีขาวตัวเลขสีฟ้าตามที่กลุ่มผู้ขับรถตู้โดยสารเช่าเหมา (VIP) ร้องขอ
และได้แจ้งให้กลุ่มผู้ขับรถตู้โดยสารดังกล่าว จดทะเบียนเปลี่ยนประเภทเป็นรถโดยสารไม่ประจำทางให้ถูกต้องกับการใช้งานจริง อันเป็นการจัดระเบียบการจดทะเบียนรถตู้โดยสารแบบเช่าเหมา (VIP) ให้ถูกต้องตามกฎหมายและตรงตามความประสงค์ของผู้ขับรถตู้โดยสารดังกล่าว
2. รถตู้โดยสารที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล หากเจ้าของรถนำรถยนต์ดังกล่าวไปใช้รับจ้าง จะเป็นความผิดฐานประกอบการขนส่งไม่ประจำทางโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522
ดังนั้น การนำรถตู้โดยสารไปใช้ขนส่งผู้โดยสารเพื่อการรับจ้าง เจ้าของรถจะต้องดำเนินการขอรับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 แล้วจดทะเบียนรถในประเภทรถโดยสารไม่ประจำทาง (ป้ายทะเบียน 30) ซึ่งจะตรงตามประเภทการใช้งานจริงและถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดไว้
3. การจดทะเบียนรถตู้โดยสารในประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (ป้ายสีฟ้า) ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 นั้น ผู้ขอจดทะเบียนจะต้องปฏิบัติตามระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการขอจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีที่นั่งเกิน 12 ที่นั่ง และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักรถเกิน 2,200 กิโลกรัม พ.ศ.2558
ทั้งนี้เพื่อให้การจดทะเบียนรถตรงตามประเภทการใช้งานตามที่กฎหมายกำหนด และป้องกันมิให้ประชาชนนำรถตู้โดยสารที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไปใช้ในการรับจ้างหรือให้เช่า เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบกพบว่า รถที่มีที่นั่งเกิน 7 ที่นั่งแต่ไม่เกิน 12 ที่นั่ง (รถตู้โดยสาร) เจ้าของรถส่วนใหญ่จะนำไปใช้ในการรับจ้างหรือใช้ในธุรกิจการค้าทั้งสิ้น
ซึ่งต้องจดทะเบียนภายใต้บังคับของกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก เมื่อมีการแก้ไขพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2557 และพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 17) พ.ศ.2557 การจดทะเบียนรถต้องพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ของการใช้งาน แทนการพิจารณาลักษณะทางกายภาพของรถ กรมการขนส่งทางบกจึงจำเป็นต้องออกระเบียบดังกล่าว เพื่อตรวจสอบกลั่นกรองให้จดทะเบียนรถได้ตรงตามวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
โดยรถที่จะจดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ เจ้าของรถต้องนำไปใช้เพื่อการส่วนตัวอย่างแท้จริง มิได้นำไปใช้ในการรับจ้างหรือนำไปใช้ในธุรกิจการค้า ซึ่งต้องจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก โดยตรวจสอบเหตุผลความจำเป็นในการใช้รถ ตรวจสอบสถานที่จอดรถ ตรวจสอบประวัติ และพฤติกรรมการใช้รถที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่านำรถไปใช้เพื่อการส่วนตัวอย่างแท้จริง
ซึ่งหากรับจดทะเบียนโดยไม่ตรวจสอบกลั่นกรอง เจ้าของรถอาจอาศัยช่องว่างของกฎหมายอ้างว่านำรถไปใช้ส่วนตัวเพื่อขอจดทะเบียน แต่วัตถุประสงค์ที่แท้จริงกลับนำรถไปใช้รับจ้าง ทำให้เกิดปัญหาในการควบคุมและจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ เพราะมีการนำรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไปใช้รับจ้าง เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้โดยสารและผู้โดยสารไม่ได้รับความคุ้มครองตามสมควรเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
เนื่องจากมีส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยไม่ครบถ้วนถูกต้อง และไม่มีการจัดทำประกันภัยตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น เจ้าของรถที่มีความจำเป็นต้องใช้รถเพื่อการส่วนตัวอย่างแท้จริงก็สามารถนำรถมาจดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลได้
แต่หากใช้รถเพื่อประกอบธุรกิจหรือเพื่อสินจ้างก็จะต้องนำรถไปจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ระเบียบดังกล่าวจึงเป็นเครื่องมือที่ทำให้การจดทะเบียนรถเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย และมีความเหมาะสมแล้ว มิได้ลิดรอนสิทธิของประชาชนแต่อย่างใด
4. การบูรณาการตรวจจับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (รถตู้โดยสาร) ที่นำไปใช้รับจ้างบนท้องถนน มีการบูรณาการหลายหน่วยงานเป็นการดำเนินการตามนโยบายของภาครัฐที่กำหนดให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นจริงจังและดำเนินการจัดระเบียบการใช้รถให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะได้รับความคุ้มครองเกิดความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนน
5. สำหรับการซื้อขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (รถตู้โดยสาร) ในปัจจุบันนั้น จากการตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (รถตู้โดยสาร) ในแต่ละเดือนพบว่า มีการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (รถตู้โดยสาร) เฉลี่ยประมาณเดือนละ 200-500 คัน ซึ่งเป็นยอดการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (รถตู้โดยสาร) โดยเฉลี่ยตามปกติมิได้ลดลงแต่อย่างใด จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
นายกมล บูรณพงศ์
รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการขนส่งทางบก
ที่มาkhaosod
หน้าที่เข้าชม | 194,209 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 155,064 ครั้ง |